8 กิจกรรมเที่ยวป่าชายเลนสำหรับคนรักธรรมชาติ

 

คนมักจะถามกันว่าภูเขากับทะเล ชอบไปเที่ยวที่ไหน แต่จริงๆ แล้วยังมีสถานที่เที่ยวเจ๋งๆ ที่คุณอาจจะลืมนึกถึงไปอย่าง ‘ป่าชายเลน’ ซึ่งให้บรรยากาศการท่องเที่ยวที่สนุกไปอีกแบบ ด้วยระบบนิเวศที่ผสมผสานป่าและทะเลเข้าด้วยกัน ทำให้มีธรรมชาติที่แปลกตาน่าสนใจ โดยเราจะขอพาทุกคนไปเที่ยวที่ปากน้ำประแส อำเภอแกลง จังหวัดระยองกันกับ 8 กิจกรรมที่เราคิดมาให้แล้ว

 

 

1.เดินเที่ยวเส้นทางธรรมชาติป่าชายเลน

ป่าชายเลนหลายแห่ง มักจะมีการทำทางเดินเที่ยวชมธรรมชาติ ให้คุณได้เดินลัดเลาะเข้าไปในป่าที่มีทั้งต้นโกงกาง แสม ลำพู ซึ่งมีความสวยงามแปลกตา จากรูปร่างของต้นไม้ที่มีรากงอกออกมาจากลำต้นเพื่อให้ยึดเกาะดินเลนได้ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ามีตอไม้แหลมๆ ผุดขึ้นมาจากดินเลน  นั่นไม่ใช่ซากต้นไม้แต่เป็นรากพิเศษของต้นโกงกางที่โผล่ขึ้นมาหายใจและดูดซับออกซิเจนเพื่อนำไปสังเคราะห์แสง จึงทำให้ป่าชายเลนมีอากาศที่สดชื่น 

 

2.อิ่มหนำกับอาหารทะเลอันอุดมสมบูรณ์

         หลายคนคงทราบว่าป่าชายเลนนั้นเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน ที่ได้รับการปกป้องด้วยรากของต้นไม้ที่ยึดโยงกันมากมาย ซึ่งป่าชายเลนเหล่านี้ก็ยังเป็นจุดกำเนิดของห่วงโซ่อาหาร ที่มาจากใบไม้ที่ร่วงหล่นกลายเป็นอาหารของแบคทีเรีย ไปยังปูแสม เมื่อปูแสมออกไข่ก็จะกลายเป็นแพลงก์ตอนอาหารให้กับสัตว์น้อยใหญ่ และปลายทางของห่วงโซ่ก็คืออาหารของมนุษย์นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู ปลา ยังไม่รวมถึงสัตว์อื่นๆ ที่มาอาศัยหาอาหารอันอุดมสมบูรณ์จากป่าชายเลนอีกด้วย

 

 

3.นั่งเรือดูนกเจ้าถิ่นและนกอพยพนานาพันธุ์

         นักดูนกไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพหรือมือสมัครเล่น ถ้ามาเที่ยวป่าชายเลนรับรองว่าไม่ผิดหวังเพราะมีฝูงนกธรรมชาติหลากหลายสายพันธุ์ให้ดูได้ไม่มีเบื่อ แนะนำให้มาส่องหาสายพันธุ์นกเจ้าถิ่นในช่วงเดือน ต.ค. – มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงหน้าน้ำที่นกจะบินมาหาอาหารและเกาะตามกิ่งไม้ ขอนไม้ที่ผุดขึ้นจากผิวน้ำ สามารถติดต่อเช่าเรือกับคนขับเรือซึ่งจะรู้ว่าบริเวณไหนมีนกมาเกาะบ้าง หรือหากอยากชมนกอพยพจากต่างประเทศให้มาชมได้ในหน้าหนาวช่วงเดือน พ.ย. – ธ.ค. หนึ่งในนั้นมีนกที่มีสถานะใกล้สูญพันธุ์อย่าง ‘นกทะเลขาเขียวลายจุด’ ซึ่งบินหนีหนาวมาจากรัสเซีย โดยทั่วโลกเหลืออยู่เพียง 1,000 – 2,000 ตัวเท่านั้น และพบในไทยถึง 334 – 361 ตัวเลยนะ

 

 

4.ตามหาปลาท้องถิ่น

ป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์เปรียบเสมือนห้องครัวขนาดใหญ่ที่สัตว์ใหญ่น้อยมาอาศัยอยู่  โดยเฉพาะฝูงปลาเกือบ 100 สายพันธุ์มาอาศัยอยู่เพื่อกินแพลงก์ตอน  อาทิ ปลากระบอก ปลากะพง ปลากด ปลาดุก ปลาเก๋า ฯลฯ ชาวประมงพื้นบ้านเล่าว่าเมื่อสมัยที่ผืนป่าชายเลนยังอุดมสมบูรณ์มีปลาโลมาปากขวดเผือก รวมถึงฝูงปลาทูที่ว่ายจากทะเลใหญ่เข้ามาหากินในป่าชายเลนด้วย

 

 

5.ตามดูปูก้ามดาบ 

ในฤดูน้ำลดพื้นป่าชายเลนจะแห้งจนเห็นพื้นดินเลน เป็นเวลาของบรรดาปูที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลนออกมาเริงร่าทำกิจกรรมตามธรรมชาติกัน เช่น ปูแสมเป็นจิตอาสาที่มาเก็บกวาดเศษใบไม้และซากสัตว์กินเป็นอาหารถือเป็นการ big cleaning ชายหาดปีละครั้ง ขณะเดียวกันชาวบ้านก็จะใช้เวลาช่วงกลางคืนมาจับปูแสมที่ออกจากรู นำกลับบ้านมาต้มจิ้มกินกับพริกเกลือเป็นมื้ออร่อย 

 

ไฮไลต์สำคัญของฤดูปูเริงร่า ที่หมายถึงช่วงปูผสมพันธุ์ในเดือนกันยายน – ธันวาคม ก็คือการยกพวกออกมาอวดโฉมของ ‘ปูก้ามดาบ’ ซึ่งเป็นปูประจำป่าชายเลน ลำตัวมีสีสันสดใสทั้ง แดง ฟ้า เหลือง จุดเด่นคือก้ามด้านขวาจะใหญ่มาก เหมือนนักเลงที่ยกปืนขู่เวลาที่มีภัยมา  สำหรับป่าชายเลนปากน้ำประแสช่วงเวลานำลดเป็นเวลาของเหล่าปูก้ามดาบที่จะยกพวกมายึดพื้นที่ป่าชายเลนทำให้บริเวณที่ดูปูก้ามดาบสีแดงพรึบไปหมด  ขอแนะนำว่าขณะดูปูอย่าส่งเสียงดัง เพราะปูพวกนี้ขี้ตกใจ ถ้ามีเสียงนิดหน่อยจะวิ่งหนีกลับเข้ารูทันที

 

 

6.สูดโอโซนที่ป่าชายเลนให้เต็มปอด

รู้หรือไม่ว่าว่าป่าชายเลนสามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสาเหตุของปรากฎการณ์ก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าป่าไม้เขตหนาวหรือป่าฝนเขตร้อนชื้นถึง 5 เท่าเมื่อเทียบต่อหน่วยในพื้นที่เท่า ๆ กัน โดยคาร์บอนส่วนใหญ่จะถูกกักเก็บไว้ใต้ดินในรากและเนื้อไม้ของลำต้นของต้นไม้ ขณะเดียวกันต้นไม้ในป่าชายเลนประเภทโกงกางต้องใช้ออกซิเจนจำนวนมากในการสังเคราะห์แสง จึงทำให้อากาศบริเวณป่าชายเลนมีแต่โอโซนบริสุทธิ์ไว้ฟอกปอดนักท่องเที่ยว 

 

 

7.เก็บความทรงจำด้วยภาพถ่ายที่ทุ่งโปรงทอง

รู้หรือไม่ว่า ภาพทุ่งโปรงสีเหลืองทองทอดยาวสุดลุกหูลูกตาราวกับทุ่งดอกไม้นี้ เป็นสิ่งพิเศษที่ไม่ได้มีทั่วไป เพราะปกติต้นโปรงจะเป็นไม้ที่ขึ้นตามป่าชายเลนบริเวณเลนแข็ง เป็นไม้โตเร็วมีความสูงเกิน 10 เมตร มีใบเป็นสีเขียวตลอดทั้งปี แต่ไม้โปรงทองที่ขึ้นบริเวณทุ่งแห่งนี้เรียกว่าขึ้นผิดที่ผิดทาง เพราะอยู่ในบริเวณที่น้ำทะเลท่วมไม่ถึง จึงมีธาตุอาหารน้อย ความชื้นน้อย เลยทำให้ลำต้นแคระแกรนใบออกสีเหลืองตลอดทั้งปี  จึงกลายเป็นภาพของต้นโปรงที่อวดใบเหลืองสีทองเต็มทุ่งให้นักท่องเที่ยวได้มาเก็บบภาพประทับใจเป็นไฮไลท์ของการเดินทางเที่ยวป่าชายเลน

 

8.ไม่สร้างขยะเพิ่ม เก็บขยะกลับ

ป่าชายเลน เป็นปราการด่านสุดท้ายในการเก็บกักขยะบกไม่ให้ไหลลงสู่ทะเลไปทำร้ายสัตว์ทะเล แต่ขยะเหล่านี้กลับสร้างความเสียหายให้กับป่าชายเลน  เพราะขยะที่ลอยมาติดตามรากต้นโกงกาง ต้นแสม ซึ่งเป็นรากค้ำยันลำต้นและช่วยการหายใจ เมื่อขยะมาปิดทางเดินหายใจก็ทำให้ต้นไม้ตามป่าชายเลนหายใจไม่ออกและล้มตาย  ด้วยเหตุนี้จึงเกิดกิจกรรมเก็บขยะตามป่าชายเลน ซึ่งมักจะทำในฤดูกาลน้ำลด นอกจากช่วยกำจัดขยะแล้วยังได้ช่วยต่อลมหายใจของป่าชายเลนอีกด้วย หากมีโอกาสมาเที่ยวชมป่าชายเลน เพียงไม่ทิ้งขยะที่นำมาจากภายนอกในป่า และช่วยเก็บขยะที่พบเห็นติดมือกลับออกไปสักหนึ่งชิ้นก็เรียกว่าได้ช่วยรักษาป่าชายเลน และบรรดาสัตว์น้ำในป่าแล้ว