เรื่องโดย ผศ.อาทิตย์ ศรีจันทร์
มนุษย์มีความต้องการใช้จินตนาการเพื่อการเอาชีวิตรอดมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ พลังของจินตนาการนั้นช่วยปลุกเร้าอารมณ์ความรู้สึกและความคิดได้เป็นอย่างดี จินตนาการคือสิ่งที่ช่วยเร่งปฏิกิริยาทางอารมณ์ความรู้สึกและความนึกคิดถึงชีวิตและการดำรงอยู่ของมนุษย์ ในอดีตนั้น มนุษย์ใช้วรรณคดีเป็นสื่อกลางในการใช้จินตนาการของตนเองเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันในชีวิต ด้วยเหตุนี้เองวรรณคดีคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์นั้นสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของตนเองและช่วยให้เราคิดคำนึงถึงชีวิต ประเด็นที่สำคัญก็คือในหลายๆ ครั้งวรรณคดีนั้นสะท้อนถึงสิ่งที่มนุษย์เฝ้าใฝ่ฝัน เป็นความหวัง เป็นความฝันของมนุษย์ที่จะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม
วรรณคดีที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งคือ “ไตรภูมิพระร่วง” วรรณคดีเรื่องนี้สันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในสมัยสุโขทัย โดยพระยาฦๅไทย หรือพระมหาธรรมราชาที่ 1 อายุอานามของวรรณคดีเรื่องนี้ก็เกือบเจ็ดร้อยปีแล้ว โดยไตรภูมิพระร่วงนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการอธิบายภพภูมิต่างๆ ทั้งสามภูมิ ได้แก่ กามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ (ไม่ใช่ นรก โลกมนุษย์และสวรรค์อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ แต่ทั้ง นรก โลกมนุษย์และสวรรค์นั้นเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ใน “กามภูมิ” ต่างหาก) การอธิบายบรรยายทั้งสามภพภูมินั้นอยู่ภายใต้กรอบคิดของพุทธศาสนา เนื่องจากไตรภูมิพระร่วงนั้นถือเป็นวรรณคดีพุทธศาสนาที่สำคัญเล่มหนึ่งของไทย และถือได้ว่าเป็นงานค้นคว้าทางพุทธศาสนาเล่มแรกๆ ของไทยอีกด้วย จุดประสงค์ในการเล่าเรื่องภพภูมิทั้งสามนั้นก็คือการแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งในจักรวาลโดยอธิบายตั้งแต่จุดเริ่มต้น การดำรงอยู่ จุดจบของจักรวาล และการเกิดใหม่อีกครั้งซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า ภพภูมิต่างๆ ที่บรรยายมานั้นย่อมรู้เกิดดับอยู่ร่ำไปเป็นวงเวียนเป็นวัฏจักร ดังนั้นการไปให้ถึงนิพพานอันเป็นเป้าหมายของพุทธศาสนาจึงเป็นวิธีในการหลุดพ้นจากวงเวียนนี้
ใน “ไตรภูมิพระร่วง” หากผู้อ่านสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคทางภาษาไปได้ก็จะได้ค้นพบว่าคนในสมัยโบราณนั้นเขาจินตนาการถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำยุคล้ำสมัยได้อย่างสนใจ เช่น การบรรยายถึงดินแดนแผ่นดินหนึ่งที่มีชื่อว่า “อุตรกุรุทวีป” ซึ่งเป็นแผ่นดินที่อยู่ทางเหนือและเป็นหนึ่งในสี่แผ่นดินที่รายล้อม “เขาพระสุเมรุ” แกนกลางของจักรวาล (อีกสามแผ่นดินที่เหลือคือ อมรโคยานทวีป บุพวิเทหะทวีป และชมพูทวีปที่เราอยู่กันนี้เอง) แผ่นดิน “อุตรกุรุทวีป” นั้นถือเป็นแผ่นดินในอุดมคติ มีความเป็นสังคมยูโทเปีย (Utopia) ที่เป็นความใฝ่ฝันและความหวังสูงสุดของมนุษย์ ในดินแดนแห่งนี้ทุกคนต่างเท่าเทียมกัน ไม่มีใครรวยกว่าใคร ไม่มีใครหล่อหรือสวยกว่าใคร พวกเขาแข็งแรงไม่รู้จักเจ็บป่วยใดๆ และมีอายุยืนถึง 1,000 ปี
ความน่าสนใจของทวีปนี้อีกประการก็คือบรรดาสิ่งของที่อยู่ในทวีปแห่งนี้เต็มไปด้วยจินตนาการอันเจิดจ้าของมนุษย์ เช่น ข้าวที่ชื่อว่า “ขชีเตนสาลี” เป็นข้าวสาลีที่เป็นรวงขึ้นมาเองโดยที่ไม่ต้องทำนาและเป็นรวงข้าวสารที่ไม่มีแกลบหรือรำใดๆ ไม่ต้องตำ ไม่ต้องฝัด เป็นข้าวที่สามารถเอามาหุงกินได้เลย ข้าวชนิดนี้ในไตรภูมิกล่าวถึงสรรพคุณเอาไว้ว่ากินแล้วผิวพรรณผ่องใส ร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากข้าวที่ไม่ต้องปลูก ไม่ต้องฝัด ไม่มีแกลบ ไม่มีรำแล้ว ในอุตรกุรุทวีปยังมีหินที่ชื่อว่า “ศิลาโชติปาสาณ” เป็นหินที่ติดไฟได้เองเมื่อเอาข้าวมาวางบนหินและดับไปเองเมื่อข้าวสุกแล้ว และเมื่อคนเขาจะกินข้าวกับอะไรก็ตาม บรรดากับข้าวกับปลาก็ “บังเกิดขึ้นมาอยู่แทบใกล้เขานั้นเอง”
สิ่งที่น่าสนใจที่ถือว่าเป็นสุดยอดแห่ง “ของวิเศษ” ที่อยู่ในอุตรกุรุทวีปก็คือ “ต้นกัลปพฤกษ์” ในไตรภูมิอธิบายคุณวิเศษของต้นกัลปพฤกษ์เอาไว้ว่าหากใครอยากได้ทรัพย์สินเงินทอง เสื้อผ้าแพรพรรณต่างๆ เครื่องประดับสารพัด ข้าวปลาอาหาร ให้ไปยืนนึกเอาใต้ต้นกัลปพฤกษ์สิ่งของที่ปรารถนาก็จะอยู่บนคาคบไม้นั่นเอง
ในหลายร้อยปีต่อมา เรามีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าที่ทำงานไม่ต่างกับ “ศิลาโชติปาสาณ” เรามีการพัฒนาพันธุ์ข้าวมากมายที่อร่อยมากขึ้น ปลูกได้ในหลากหลายพื้นที่มากขึ้น อดทนต่อสภาพอากาศมากขึ้น เรามีตู้กดสินค้ามากมาย เรามีอินเตอร์เนตที่ให้เรา “เอฟ” ของได้ทุกวันทั้งวัน มีสรรพสิ่งสารพัดมากองวางไว้อยู่บนมือขึ้นอยู่กับว่าเราอยากได้อะไร… และเราหวังว่าในอนาคตจะมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีมากมายที่ช่วยทำให้มนุษย์มีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น มีอายุที่ยืนยาวมากขึ้น แข็งแรงมากขึ้น
วรรณคดีโบราณในบางครั้งอาจไม่ใช่ของที่ล้าสมัย แต่มันคือความใฝ่ฝันและแรงปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คนในอดีต นอกจากนี้วรรณคดีโบราณอาจเป็นแรงผลักดันให้ผู้คนในโลกยุคใหม่แสวงหาและพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีและสะดวกสบายยิ่งขึ้น มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้มนุษย์ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ความเป็นอุดมคติหรือจิตนาการที่ประหนึ่งความฝันในวรรณคดีในอดีตได้ถูกใช้เป็นต้นแบบของแรงบันดาลใจอันหลากหลายที่ช่วยให้ชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันพัฒนาและก้าวไปยังเส้นทางอันน่าภิรมย์อย่างยิ่งยวดในอนาคต