รู้กันหรือไม่ว่า บริเวณสถานีสูบน้ำพระโขนงห่างจากออฟฟิศของดาวประมาณ 5 กิโลเมตร นั้นมี ‘ชุมชนเกาะกลาง’ ชุมชนเก่าแก่ ซึ่งมีอายุนานกว่า 100 ปี ในเขตคลองเตยอยู่ และชุมชนริมคลองเล็กๆ ใจกลางกรุงแห่งนี้ กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างน่าชื่นชม
ชุมชนเกาะกลางมีทั้งหมด 58 ครัวเรือน มีสมาชิกชุมชนอยู่เพียงประมาณ 270 ชีวิตเท่านั้น แต่เดิมภาพของชุมชนริมคลองกลางกรุงเช่นนี้มักได้ถูกมองว่าเสื่อมโทรม และเป็นแหล่งทิ้งขยะลงสู่แม่น้ำลำคลอง หากด้วยความตั้งใจอันดีของคนในชุมชน จึงค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ และด้วยความร่วมมือจากดาวที่ได้จัดโครงการอาสาเข้าไปพัฒนาชุมชน โดยการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการขยะ จนในที่สุดชุมชนเข้มแข็งแห่งนี้ก็สามารถพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ต้นแบบการจัดการขยะครบวงจร ถือเป็นชุมชนเกาะ เพียงแห่งเดียวของกรุงเทพฯ ที่ทำเช่นนี้ได้สำเร็จ ทั้งยังสามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย
‘พี่อิ๋ว – จุไรรัตน์ เครือพิมาย’ หนึ่งในผู้นำชุมชนเกาะกลางแห่งนี้เล่าให้เราฟังว่า ก่อนที่ดาวจะเข้ามาช่วยเหลือ ชาวชุมชนเกาะกลางก็มีความพยายามจัดการขยะมาก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว ทว่ายังไม่ครอบคลุมและเป็นระบบมากขนาดนี้
“ตอนนั้นพวกเราเองยังไม่ได้มีความรู้มากนัก ก็ทำกันตามประสาชาวบ้านทำกัน คือแยกเศษอาหาร และนำขยะไปทิ้ง ไปบริจาค แต่เมื่อดาวเข้ามาให้ความรู้ พาไปดูพื้นที่ตัวอย่าง ก็ทำให้เราได้กลับมาทบทวนและนำคำแนะนำจากดาวไปต่อยอด คือ นอกจากการคัดแยกขยะที่เป็นระบบมากขึ้นแล้ว เรายังมีการจัดทำฐานการเรียนรู้ต่างๆ ภายในชุมชน เช่น ขยะเศษอาหารก็สามารถนำมาทำเป็นปุ๋ย และหมักก๊าซชีวภาพ มีการทำสิ่งประดิษฐ์จากของเหลือเพื่อนำไปใช้ และจำหน่าย มีการคัดแยกขยะไปขายเพื่อสร้างรายได้ การทำฐานเรียนรู้ต่างๆ เพื่อดึงดูดให้ผู้สนใจได้เข้ามาเรียนรู้ในเรื่องของการจัดการขยะอย่างครบวงจร”
ทุกวันนี้พี่อิ๋วเล่าว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก จากที่ไม่มีความรู้ทุกวันนี้ชาวชุมชนหลายคนสามารถเป็นวิทยากรได้ และแต่ละครอบครัวก็มีส่วนร่วมในการเป็นบ้านตัวอย่างด้านการจัดการขยะ รวมถึงพฤติกรรมของชาวชุมชนก็เปลี่ยนแปลงไป รู้จักคัดแยกขยะกันอย่างถูกวิธี มีประสิทธิภาพ จนถึงขั้นมีโรงรับซื้อขยะภายในชุมชนเพื่อมาคัดแยกแล้วนำไปขายต่อ เมื่อชาวบ้านออกไปนอกชุมชนก็ยังถือขยะติดไม้ติดมือกลับมา เพราะตระหนักดีว่าเป็นสิ่งที่มีมูลค่า สามารถนำไปขายเพื่อหมุนเวียนกลับมาใช้ประโยชน์ และมีรายได้กลับมาสู่พวกเขาได้ และที่สำคัญที่สุดก็คือ เริ่มมีผู้ที่สนใจมาเยี่ยมชมเกาะกลาง เพื่อเรียนรู้เรื่องการจัดการขยะอย่างครบวงจร เป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชาวชุมชนได้อีกทาง
ความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างของเกาะกลางที่น่าพูดถึงคือทัศยภาพที่น่ามองขึ้น ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้อาสาสมัครจากดาวเองก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมทาสีกำแพงเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ของชุมชนแห่งนี้ด้วย ในโอกาสนี้ พนักงานดาวอาสา ‘คุณเมธา พวงพันธุ์’ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบัญชี ของ บริษัท กลุ่มดาว ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้ว่า
“ผมดีใจมากที่เราได้มีส่วนช่วยเหลือชุมชนและสังคม ผมว่าการทาสีกำแพงนอกจากจะช่วยให้ชุมชนสวยงามน่าอยู่ขึ้นแล้ว ยังช่วยสร้างอัตลักษณ์จุดเด่นให้กับชุมชนเกาะกลางได้ ส่วนเรื่องการจัดการขยะ ที่นี่ก็น่าจะเป็นต้นแบบให้ชุมชนอีกหลายๆ แห่งสามารถมาเรียนรู้และนำไปปฏิบัติตามได้ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมของสังคมเราลงได้ครับ”
ด้าน ‘น้องซิน – จิตโสมนัส มุนินทร์นพมาศ’ สาวน้อยเยาวชนอาสา ได้แสดงความรู้สึกจากการร่วมกิจกรรมครั้งนี้ว่า “ชุมชนเกาะกลางเป็นชุมชนเข้มแข็ง ซินคิดว่าพื้นที่ตรงนี้น่ารักมากๆ ถ้าเรานำศิลปะมาสร้างสีสันปรับปรุงให้สวยงาม ก็จะเป็นการดึงดูดคนจากภายนอกเข้ามาเยี่ยมชม และยังเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆ มีพื้นที่ในการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สำหรับโครงการจัดการขยะที่เกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดีมาก ตัวซินเองพออาสาเข้ามาทำงานที่เกาะกลางก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะเลย ว่าการจัดการขยะที่ดีสามารถสร้างประโยชน์และมูลค่าขึ้นมาได้”
สำหรับใครที่สนใจและพอมีเวลา เราขอแนะนำว่าลองไปเดินเล่นริมคลองรับลมเย็นๆ พร้อมเยี่ยมชมชุมชนเข้มแข็ง ศูนย์เรียนรู้ต้นแบบการจัดการขยะครบวงจร ในละแวกใกล้บ้านดาวแห่งนี้กันดู
Did You Know?
- ชุมชนเกาะกลาง ตั้งอยู่บนเนื้อที่เกาะประมาณ 3 ไร่ กลางคลองพระโขนง เป็นพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ปัจจุบันเป็นตัวอย่างนำร่องของชุมชนจัดการตนเอง ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง สร้างอาชีพในครัวเรือน ผลิตสินค้าใช้เองบนเกาะเพื่อลดรายจ่าย และยังให้ความสนใจในการรักษาสิ่งแวดล้อม
- จากการสำรวจข้อมูลพบว่า ประชากรทั้ง 50 ครัวเรือนผลิตขยะและส่งให้กทม.นำไปจัดการเพียง 50 กิโลกรัมต่อวัน เท่ากับว่าสมาชิกชาวชุมชนเกาะกลางหนึ่งคนผลิตขยะไม่ถึง 1 กิโลกรัมต่อวัน